วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559


อาหารที่มีประโยชน์กับมนุษย์


 
   
อาหารเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้ อาหารหลายหลากชนิด มีทั้งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และบ้างก็เป็นโทษ อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ในแต่ละวันเราต้องรับประทานอาหาร เพื่อให้ร่างกายจะได้เจริญเติบโตและมีความแข็งแรง และต้องรับประทานอาหารอย่างน้อยวันละ 3 มื้อ และควรรับประทานอาหารเฉพาะอาหารทีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และต้องเลือกรับประทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในแต่ละมื้อ อาหารหลัก 5 หมู่ ที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อ ก็มีประโยชน์มีคุณค่าแตกต่างกันออกไปดังนี้
1. เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่ว
อาหารจำพวกนี้จะช่วยในการสร้างเสริมกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเราเจริญเติบโตและมีความแข็งแรง
2. ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน
อาหารชนิดนี้เป็นอาหารที่ คนจะรับประทานทุกวัน โดยเฉพาะข้าวเพราะคนไทยรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก อาหารชนิดนี้จะให้พลังงานแก่ร่างกายเพื่อใช้ในการทำงาน ใช้ในการเรียนและใช้ในการเล่น
3. ผักใบเขียวชนิดต่าง ๆ เช่น คะน้า ผักบุ้ง เป็นต้น
อาหารชนิดนี้จะช่วยให้เราแข็งแรง ไม่เป็นโรคง่ายและที่สำคัญจะทำให้ท้องไม่ผูก คนที่รับประทานผักเป็นประจำจะทำให้ระบบขับถ่ายดี
4. ผลไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ส้ม กล้วย มะม่วง มะละกอ เป็นต้น
อาหารชนิดนี้เป็นอาหารที่รับประทานง่ายและก็หารับประทานได้ง่าย ราคาก็ไม่แพง ผลไม้จะช่วยบำรุงสุขภาพของเรา ทำให้นัยย์ตาและผิวหนังสดชื่นไม่แห้ง ป้องกันโรคต่างๆ และที่สำคัญช่วยทำให้ท้องไม่ผูก
5. ไขมันจากพืชและสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว และเนย เป็นต้น
อาหารชนิดนี้จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายของเรา

ผลไม้

  

          การกินผลไม้ขณะที่ท้องว่าง ไม่ควรกินผลไม้พร้อมกับหรือหลังอาหารอื่นๆ หรือหากกินผลไม้แล้วจะกินอาหารอื่นตาม ก็ควรรอเวลาอย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไปตกสู่ลำไส้เล็ก และดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่
เหตุผลที่ห้ามกินผลไม้หลังอาหาร
          เมื่ออาหารตกถึงกระเพาะจะใช้เวลาย่อยประมาณ 4 ชั่วโมง หากกินผลไม้ตามลงไปแทนที่ จะผ่านไปยังลำไส้เล็กได้เลยก็จะต้องถูกขัดขวางจากอาหารที่รอการย่อยเหล่านั้น ระหว่างนี้ทั้งอาหารและผลไม้ที่ผสมกันในกระเพาะจึงอาจทำให้เกิดการหมักบูด เกิดแก๊ส ซึ่งมีผลให้เกิดอาการแน่น จุก หรือไม่สบายท้องได้
          ทั้งนี้ คุณค่าของผลไม้จะให้ประโยชน์กับเราเต็มที่เมื่อกินขณะท้องว่าง แต่หากใครที่กินผลไม้ไม่ถูกวิธี แต่ไม่รู้สึกแย่อะไร ก็แสดงว่าร่างกายคุณปรับตัวได้ดี แต่คุณอาจไม่ได้รับคุณค่าของผลไม้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นหากใครที่กินอาหารแล้วต้องการกินผลไม้ตาม ควรรอเวลาให้อาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้านั้นย่อยหมดก่อน แล้วจึงค่อยกินผลไม้
คำแนะนำการกินผลไม้
          - หากเป็นอาหารเบาๆเช่น สลัดผักสด ใช้เวลารอประมาณ 2 ชั่วโมง
          - หากคุณเพิ่งกินอาหารหนักอย่างเช่น ข้าว หรือเนื้อสัตว์ ที่ใช้เวลาย่อยนานขึ้น ก็อาจต้องรออย่างน้อย 4 ชั่วโมง
          - หากกินอาหารหลายๆ อย่างรวมกัน มีกากใยน้อย ย่อยยากขึ้น ก็อาจใช้เวลามากถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งไม่แนะนำให้กินผลไม้ตามไปในช่วงเวลานั้นเลย
          ดังนั้น เวลาที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะกินผลไม้ คือ ช่วงเช้าของทุกวัน ตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงเที่ยงเนื่องจากร่างกายจะช่วยให้เรามีพลังงานเหลือเฟือไว้ใช้ประโยชน์กับกิจกรรมอื่นๆ อีกทั้งช่วยให้สุขภาพดี กระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ
   
อาหารที่ไม่ควรรับประทาน



1. ไข่เยี่ยวม้า ถ้ากินมากและบ่อย อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว การดูดซึมแคลเซี่ยมลดน้อยลง ขาดแคลเซียมทำให้กระดูกผุได้
2. ปาท่องโก๋ ใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่ว เป็นพิษต่อเซลล์สมอง ความจำเสื่อม คอแห้ง เจ็บคอ
3 . เนื้อสัตว์ย่าง เกิดสารเบนโซไพริน ก่อมะเร็ง                               
4 . ผักดอง เกิดการสะสมเกลือโซเดียม หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูง เป็นโรคหัวใจง่าย
5 . ตับหมู  1 กก. มีคอเลสเตอรอลกว่า 400 มก . ถ้ามีมากและนานทำให้หลอดเลือดแข็งตัว เสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือดทางสมองและมะเร็ง
6. ผักโขม ผักปวยเล้ง มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้การขับสังกะสีและแคลเซียมออกจากร่างกายมาก เกิดภาวะขาดแคลน
7 . บะหมี่สำเร็จรูป ทำให้ขาดสาร อาหาร เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย
8 . เมล็ดทานตะวัน มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว กินมากทำให้มีการสะสมไขมันที่ตับได้ 
9 . เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้ การหมักมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค และมีสารย่อยโปรตีน ไฮโดรเจนซัลไฟล์ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
10 . ผงชูรส ไม่ควรกินเกิน กรัมต่อวัน จะทำให้กรดกลูตามิกในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของประจุแคลเซี่ยมและแมกนีเซียม ทำให้ปวดหัวใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์